SEO Case study คีย์ 'ปอกะบิด'

SEO Case study คีย์ 'ปอกะบิด'

วันนี้ผมจะเอากรณีศึกษาการทำ seo แบบง่ายที่เคยทำให้น้องคนที่อยู่ในรูปมาฝาก คีย์ที่ว่านี้ก็ตามตัวข้อเลยครับ คือคีย์'ปอกะบิด' เกิ่นก่อนเลยที่จะเริ่มทำคีย์นี้ น้องที่รู้จักเข้ามาปรึกษาบอกว่าเขาทำคีย์นี้ไม่ยอมขึ้นสักที ถ้าผมจำไม่ผิดอันดับน่าจะอยู่ประมาณไม่หน้าสามก็หน้าสี่ของ google นี่ละครับถ้าจำไม่ผิด พอผมได้โจทย์มาแบบนี้ สิ่งแรกเลยที่คนทำ seo ต้องทำ (หมายถึงผมนะครับ คนอื่นอาจจะทำแตกต่างไป) ได้คีย์มาต้องทำไง

ค.ว.ย. ( คิด, วิเคราะห์, แยกแยะ)

ก่อนจะมาคิดวิเคราะห์แยกแยะผมขอออกนอกเรื่องนิดหนึ่งนะครับ ค.ว.ย. เคยมีเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ให้ความหมายไว้ ค.ว.ย.คือ คณะวิทยา (สกรีนใส่หลังเสื้อไว้ว่า staff ค.ว.ย.) ความหมายของคนทำเสื้อคือ staff คณะวิทยา แต่คนอื่นไม่ได้อ่านแบบนั้นและคนเขาก็ไม่อ่านแบบนั้นหรอกครับ เพื่อนคนนั้นก็เลยโดนคำวิจารย์ไปเต็ม ถึงจะนอกเรื่องแต่นี่ก็คือว่าขาดการคิดวิเคราะห์แยกแยะ ที่นี้มาเข้าเรื่อง seo ของเรากันต่อ
  1. คิด เมื่อเราได้โจทย์มาเราต้องคิดก่อนว่าต้องเริ่มต้นยังไง ซึ่งแรกที่ผมคิดคือ ใช้บล็อกเกอร์ทำแล้วทำไมมันไม่แรงหรือใกล้เคียงหน้าแรกสักนิดเลยฟ่ะ
  2. วิเคราะห์ เมื่อคิดได้แล้วก็เลยนำเว็บและ keyword ของน้องคนนี้มาวิเคราะห์ http://ปอกะบิด.blogspot.com/ หาสาเหตุว่าทำไมถึงอันดับไม่ขยับเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา ใช้ Search Engine ตัวไหนอันดับก็อยู่หน้าสามหรือหน้าสี่หมด
  3. แยกแยะ การแยกแยะต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจในการทำ seo มากพอสมควร ต้องแยกให้ออกว่าอันดับไม่ขยับหรือไม่ขึ้นเกิดจากภายในหรือภายนอกของเว็บเรา 

หาจุดเริ่มต้นในการลงมือทำ SEO

เมื่อเราผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์แยกแยะมาแล้วหลายคนก็อาจจะมองเห็นภาพหลายก็อาจบอกว่าเรื่องแค่นี้จะเขียนบทความทำไมใครเขาก็รู้หาอ่านที่ไหนก็ได้ พวกคอนส่งคอนเซ็ปอะไรแบบนี้ไม่ต้องการแล้วเอาแบบเนื้อที่ผมทำได้ไหม แน่นอนนี่คือ Case study ผมต้องเอาเนื้อๆและขั้นตอนการทำ seo ของคีย์นี้มาทำให้ทุกคนได้ดูอยู่แล้วครับ เพราะว่าผมเองก็เคยเป็นมือใหม่มาก่อน ตอนทำทีแรกเรียกได้วางมโข่งทำเป็นหมดแหละครับเรื่องที่เขาสอนแต่เรียบเรียงไม่ได้ เข้าเรื่องแระ หาจุดเริ่มต้น หายังไง ใช้อะไรหา บอกเลยหาจุดเริ่มต้นต้องใช้ประสบการณ์อย่างเดียวครับ เพียงแค่คุณเอาคีย์ที่ได้มาไปค้นหาใน google และเข้าไปดูเว็บไซต์ที่จะทำ ถ้ามีประสบการณ์มากพอคุณจะดูออกได้เลยว่าคีย์นี้ง่ายหรือยาก ต้องเริ่มยังไงเพื่อให้อันดับขึ้น

ทีนี้มาดูการทำ SEO คีย์ 'ปอกะบิด' ของผมกัน

  1. หลังจากที่ผมได้คีย์มาแล้วต้องลองดูหน้าแรกของคีย์นี้สักหน่อยละกัน(คิด) ผมเลยลองค้นหาคีย์นั้นใน google เลยเป็นอันดับแรก ไล่ดูอันดับตั้งแต่อันดับแรกไปถึงอันดับเว็บของน้องคนนี้
  2. ต้องการอันดับดีกว่านี้ใช่ไหม ง่ายนิดเดียว ที่ผมว่าง่ายคือ ในหน้าแรกมีพวกเว็บบอร์ด พวกบล็อก ยูทูป อะไรก็ไม่รู้ติดหน้าแรกเต็มไปหมด ต้องดูด้วยว่าเป็นเว็บเฉพาะคีย์หรือตั้งใจทำคีย์นี้ขึ้นมาหรือป่าว ถ้าไม่ใช่หรือเป็นแค่บทความที่เขาเขียนขึ้นมาแล้วติดหน้าแรก ให้เดาได้เลยว่าคีย์ง่าย(วิเคราะห์) ผมเลยคิดว่าปรับออนเพจอย่างเดียวก็น่าจะพอ(คิด กลับมาอีกแระ การคิดมันต้องคิดตลอดเวลาในการทำ SEO)
  3. เมื่อผมรู้แล้วว่าคีย์นี้ง่าย ทำไมเว็บน้องเขาถึงทำอันดับได้ไม่ดีทั้งที่ชื่อโดเมนก็เป็นภาษาไทยและก็ใช้ blogger ในการทำ ผลปรากฎว่าที่อันดับไม่ดีไม่ได้เป็นที่ภายนอกแต่เป็นที่ภายในเพราะโครงสร้างภายในเว็บไม่ดี(แยกแยะ) ผมรู้ได้ยังไงว่าดีไม่ดี ก็แค่คลิกขวาดูโค้ดในเว็บปรากฎว่าพวก meta ต่างๆขาดเยอะมาก เช่น ds, ky, และออนเพจก็ไม่ได้เรื่องผมจึงของ gmail ของน้องเขาเพื่อเข้าไปปรับ เพราะถ้าให้น้องเขาปรับเองมันจะช้าผมขี้เกียจบอกเพราะต้องปรับหลายจุดมาก
  4. เมื่อได้เมล์มาแล้วก็เข้าบล็อกเกอร์ไปเพิ่มในส่วนของ meta ต่างๆ (หาจากในเน็ตนั้นแหละครับแล้วก็อปมาวางเลยแล้วแก้ตามที่ผมต้องการ) ผมก็จัดหน้าตาบทความหมดตั้งแต่เพิ่มรูป ทำลิ้งค์ เรียกได้ว่าเกือบทำเว็บใหม่ เว็บที่ผมทำครั้งนี้ก็ทำแค่นี้จริง
  5. หลังจากปรับออนเพจเสร็จวันรุ่งขึ้นอันดับก็ขยับมาแบบน่าตกใจ จนทุกวันนี้มาหยุดที่หน้าสอง ซึ่งน้องเขาไม่น่าจะทำต่อ ซึ่งถ้าทำต่อด้วยการเพิ่มในส่วนของออฟเพจก็น่าจะอยู่ในหน้าแรกได้ไม่อยาก

สรุปการทำ SEO ในครั้งนี้

ในการทำ seo ครั้งนี้ที่ผมเอามาให้ทุกคนได้ดู ผมไม่ได้จะโชว์ว่าผมสามารถทำอันดับหนึ่งในคีย์ได้ แต่ที่ผมให้ดูคือถ้าเราคิดวิเคราะห์แยกแยะเพื่อเป็นการทำอันดับให้ได้ดีและเร็วที่สุด ถ้าเราสามารถทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นต้น การทำ seo ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
การทำ bl คุณภาพเพื่อเพิ่มพลังให้ seo ของเรา

การทำ bl คุณภาพเพื่อเพิ่มพลังให้ seo ของเรา

การทำ seo ในปัจจุบันนี้ การที่เราจะทำ bl(backlink) เข้าเว็บหลักของเราเป็นสิ่งสำคัญมากถึงมากที่สุด ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เน้นปริมาณเข้าสู้ แต่ทุกวันนี้ bl เพียงไม่กี่ลิ้งค์ก็อาจเปลี่ยนเว็บไซต์ของคุณจากไม่มีอันดับให้สามารถพุ่งทยานมาสู่หน้าแรกของ google ได้สบายมาก ซึ่งการทำ bl ของผมที่ใช้ในการแข่งขัน seo2013 ในครั้งนี้ ผมทำ bl คล้ายกับการทำ Link Wheel แต่จะมีสิ่งที่แตกต่างออกไปคือเรื่องคุณภาพของลิ้งค์และการโยงลิ้งค์ ซึ่งหลักการทำ Link Wheel คือการโยงกันไปมาของลิ้งค์ภายในจากหลายเว็บโยงกันไปโยงกันมาเหมือนใยแมงมุม แล้วชี้มาหาเว็บหลัก

แต่การทำ link wheel ส่วนมากมักเป็นอันตรายต่อเว็บไซต์ทำให้ไม่ค่อยนิยมใช้กันในปัจจุบันแต่ก็ยังมีคนทำอยู่(คนทำชำนาญมากถ้าเปรียญเหมือนอาจารย์ก็คงเป็นอาจารย์ชำนาญการพิเศษ)

ที่นี้มาดูเทคนิคการทำ bl ในแบบของผมบ้าง สมมุติผมทำเว็บหลักขึ้นมาหนึ่งเว็บผมจะใช้เน็ตเวิร์คของผมเองในการทำ bl นะครับ แต่การทำจะมีรูปแบบง่ายๆคือคำใหนที่เกี่ยวข้องกับเว็บหลักของเราก็ให้เรายิงลิ้งค์เ้ข้าบทความนั้น ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องของการกระจายคีย์และยังเนียนกว่าการยิงคีย์ที่เข้าหน้าแรกตรงแบบตรง พอเราทำบทความเพื่อทำ bl ได้ระดับหนึ่งหรือบทความที่เป็น bl มีการอินเด็กซ์แล้วผมจะนำบทความเหล่านั้นไปซับมิทกับ pligg และ wiki และบวกด้วย google+ เราจะใช้ google plus บวกหนึ่งให้เว็บเรายังไง เพื่อให้ได้ผลทางด้าน seo อันนี้ก็ลองศึกษาในหัวข้อดูได้เลย

และนี่ก็เป็นเทคนิคการทำ seo ในเรื่องของการทำ bl เพียงเล็กน้อยครับคือผมจะไม่ทำให้มันยุ่งยากซับซ้อนเหมือน link wheel แต่ผมก็จะทำให้แค่ให้บทความที่เป็น bl ของผมมี bl อีกทอดหนึ่งเท่านั้น
step 1 2 3 ในการทำ seo

step 1 2 3 ในการทำ seo

ในการเริ่มทำ seo สำหรับมือใหม่ หลายคนอาจจะหาทางยังไม่เจอ อ่านไปก็เจอแต่คอนเซ็ปต่างๆ ถึงจะทำตามได้แต่ก็เหมือนไม่ได้อยู่ รู้แค่หลักการ รู้แค่วิธีการทำ รู้แค่เครื่องมือ แต่ไม่รู้วิธีการจัดการความรู้ที่เราหามา ไม่รู้ลำดับขั้นตอนการทำseo ที่ถูกต้อง ไม่รู้จะทำอันไหนก่อนไม่รู้จะทำอันไหนทีหลัง ซึ่งการการทำseo ตอนเริ่มต้นของผม ผมต้องใช้เวลาทำseoให้กับเว็บไซต์ของผมเป็นเวลา 6 เดือน แต่ทุกวันนี้ผมใช้เวลาในทำseo ให้กับเว็บไซต์ที่เหมือนเว็บแรกแค่1เดือน โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำ seo ใดๆเลย ทำไมผมถึงทำได้ ที่ผมทำได้โดยใช้ระยะเวลาน้อยกว่าเพราะผมเข้าใจและรู้ถึงหลักการในการทำแล้ว ในวันนี้ผมจะมาเขียนบทความเกี่ยวกับขั้นตอนที่ต้องทำแบบหนึ่งสองสาม

  1. วิเคราะห์ keyword ก่อนเลยอันดับแรก ให้ดูว่าเราต้องการทำคีย์ไหนแล้วให้เราไปค่้นหาใน google ดูว่าหน้าแรกมีคู่แข่งอยู่เยอะไหม ทำไมต้องวิเคราะห์ เพราะเราต้องทำคีย์ที่ง่ายกว่าถ้าหากเว็บเรามีหลายคีย์ที่ต้องทำ
  2. จัดการกับเนื้อหาบนเว็บ ทำให้เว็บเราอ่านง่าย ทำออนเพจให้ดีเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ในกรณีที่เป็นเว็บใหม่ การทำออนเพจสำคัญมาก เพราะเรายังไม่ได้เริ่มทำออฟเพจ เราจะทำออนเพจก่อนเพื่อดูว่าอันดับของเราวิ่งไปหยุดได้สูงสุดที่เท่าไหร่
  3. หา BL จากของฟรีในไทยเสียว และการแลกลิ้งค์ ในการหา BL ให้เน้นเฉพาะโดเมน PR ตั้งแต่ 1 ขึ้นเท่านั้นเพราะเราต้องการความรวดเร็วในการทำอันดับ
  4. อัพเดรทบทความไปเรื่อยๆและหา BL ไปเรื่อยๆ จนกว่าเว็บของเราจะมีอันดับที่ดีขึ้น และในการอัพเดรทบทความทุกครั้ง ควรซับมิทไปมาโซเซียลมีเดียต่างๆ เช่น google plus, facebook, twitter แต่ที่ผมจะเน้นเป็นหลักเลยคือ google plus ดูวิธีการทำได้จากบทความนี้ เราจะใช้ google plus บวกหนึ่งให้เว็บเรายังไง เพื่อให้ได้ผลทางด้าน seo เพราะเราสามารถทำเองได้ง่ายมาก
ในการทำ seo แบบนี้ส่วนใหญ่จะใช้ของฟรี แต่ถ้าทำตาม step นี้ไปเรื่อยๆรับรองมีเฮอย่างแน่นอน แม้จะเป็นของฟรีก็เหอะ ถึงอันดับจะขึ้นช้าหน่อยแต่เมื่อขึ้นแล้วก็ลองยากและอันดับนิ่งพอสมควร หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับนักทำ seo มือใหม่นะครับ เพราะมือใหม่ส่วนมากยังเรียงลำดับการทำ seo ได้ไม่ถูกต้อง
เทคนิค seo การหา bl ด้วยการ แลกลิ้งค์

เทคนิค seo การหา bl ด้วยการ แลกลิ้งค์

ในการ seo การหา bl เข้าเว็บจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆในการทำ ในการแข่งขัน seo2013 ผมจะหา bl อยู่สองสามวิธีวิธีคือ วิธีที่1 ทำบทความจากเว็บที่เกี่ยวข้องแล้วลิ้งแบบเท็กซ์ลิ้งค์และเป็นurlเข้าหน้าแรกและเข้าหน้าทำบุญวันออกพรรษา วิธีที่สองเขียนบทความส่งตามที่เขาแจกฟรีในไทยเสีวอันนี้ก็ทำได้แค่ลิ้งค์เดียวเพราะเขาตั้งกฎแบบนี้ลิ้งค์เข้าหน้าทำบุญวันออกพรรษาอย่างเดียว วิธีสุดท้ายคือการแลกลิ้งค์ แลกลิ้งค์ที่มี PR1 ขึ้นเป็นหลัก ผมหมายถึง PR หน้าที่เราได้ลิ้งค์นะครับไม่ใช่ PR ของโดเมน รูปแบบของฟรีในไทยเสียวนะครับจะเป็น ได้ BL จากหน้า PR n/a จากโดเมน PR 4 หรือ 5 แต่ผมจะหาแบบ ได้ BL จากหน้า PR1 ขึ้น จากโดเมน PR...ช่างมันครับมันต้องสูงกว่าหรือเท่ากับหน้าที่เราได้ BL อยู่แล้ว ตัวอย่าง http://www.siamvip.com/link.aspx แลกลิ้งค์กับหน้านี้ เราจะได้ BL จาก PR4 ของโดเมน PR5


วิธีการหาแลกลิ้งค์กับหน้าที่ต้องการ PR ให้ค้นหาด้วยคำว่า แลกลิ้งค์อัตโนมัติ ทำไมต้องใช้คำนี้ เพราะผมต้องการแลกแบบไม่ต้องรอตรวจสอบเพื่อความเร็วในการทำอันดับในช่วงแรก ต้องลงส่วนเสริมหรือส่วนขยายชื่อ SEOquake ก่อนเพื่อดูค่า PR  เทคนิคการแลก ให้สร้างบล็อกโง่ๆขึ้นมาหนึ่งบล็อกเพื่อนำลิ้งค์เว็บแลกมาติด แต่ให้นำลิ้งค์จากเว็บหลักไปติดในเว็บที่เราแลก เราจะได้ BL เหมือนการแลกลิ้งค์ที่ไม่ต้องแลกลิ้งค์ นี่ก็เป็นเทคนิคการทำ seo ด้วยการแลกลิ้งค์เพื่อหา bl เข้าเว็บ เป็นของฟรีที่เราหาได้สบายมากแล้วมีค่า PR แถมมาด้วย
เราจะใช้ google plus บวกหนึ่งให้เว็บเรายังไง เพื่อให้ได้ผลทางด้าน seo

เราจะใช้ google plus บวกหนึ่งให้เว็บเรายังไง เพื่อให้ได้ผลทางด้าน seo

การบวกหนึ่งโดย google+ เพื่อเพิ่มคะแนนทางด้าน seo และความน่าเชื่อถือของเว็บ สิ่งที่เราจะได้จากผลบวกนี้ ตามที่ผมสงเกตุ คือมันจะช่วยในเรื่องการอินเด็กซ์และการเพิ่มค่า PA ของหน้าที่เราแชร์ มันก็เหมือนกับการกดลดกดแชร์ทั่วๆไปครับ แต่สำหรับการวัดผลมันจะวัดแค่จำนวนบวกอย่างเดียว ซึ่งมันจะต่างจาก facebook มันจะนับจำนวนไลค์จำนวนแชร์ด้วย ซึ่งการบวกหนึ่งใน google+ มันสามารถทำได้อยู่หลักๆเลยสองวิธีที่จะทำให้ได้ค่าบวกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

+1 โพสต์นี้ นี่แหละครับตรงที่เราจะต้องกดบวก

  1. ให้เราทำการแชร์ url บทความจากเว็บของเราให้มากที่สุดใน google+ อย่างต่ำเลยที่แนะนำให้แชร์ คือ 100 โพสต์ขึ้น เมื่อแชร์เสร็จจะเห็นเหมือนในรูป
  2. ใช้ไอดีเราเลยกดบวกทุกอันที่เราแชร์ไว้ในโพสต์ของเรา กดทั้งหมดเลยครับ ซึ่งการกดทั้งหมด เราก็ได้ทั้งหมด แต่อย่ากดถี่มากเกินไป ไม่งั้นอาจโดนแบน ถ้าอยากกดแบบรัวๆ ควรกดแค่ 50 โพสต์ ระยะเวลาการกดควรห่างกัน 5 วินาที
  3. ในหนึ่งไอดีแนะนำให้กดบวก 50 โพสต์พอ แล้วเราก็แค่ล็อกอินไอดีใหม่เพื่อมากดบวกต่อ แต่ไอดีใหม่ต้องเป็นไอดีที่สร้างโปรไฟล์เต็มร้อยแล้วเท่านั้น ถ้าเป็นไอดีที่เพิ่งสมัครมาสดๆร้อน ถึงกดบวกขึ้น ยอดบวก google+ ในหน้าเว็บขึ้นแต่ก็จะลดอยุ่ดี
  4. ให้เราสร้างไอดี google+ โปรไฟล์เต็มร้อยสัก 10 ไอดีก็น่าจะพอแล้ว กดบวกไอดีละ 50-70 ก็เท่ากับว่าเราจะได้ค่าบวกของ google+ ในเว็บของเราอยู่ที่ +1 = 500-700 โดนประมาณ
  5. ส่วนอีกวิธีทำจะใช้บวก อาจจะช้ากว่าแต่ไม่ต้องเฝ้าคือ ให้เราไปจ้างสมัครเอาครับ สักสามสี่ร้อยไอดีก็ได้ หรือถ้าใครขยันก็สมัครเองมาสักสามสี่ร้อยไอดี แล้วเราก็เขียนมาโครให้ล็อกอินล็อกเอ๊าส์มากดบวกให้กับโพสต์ของเราที่อยู่ใน google+
ในการกด+1ให้กับเว็บเรา เราจะนำบทความไหนไม่แชร์ใน google+ เวลากดมันก็จะนับทบยอดเป็นบวกหนึ่งในหน้าแรกหมด ไม่จำเป็นต้องแชร์โดเมนตรงๆก็ได้ ถ้าทำเนียนๆหน่อยที่ผมเคยทำได้แบบไม่รีบมากโดนการทิ้งช่วงสัก 5 วิชาทีในการกดบวกโพสต์ของผม ในโพสต์ของผมมีการแชร์โพสต์ไว้ประมาณเกือบสองร้อย ใช้แค่ 1ID ในการบวกได้มาประมาณ +100 เลยทีเดียว ผมก็ไม่มั่นใจหรอกนะครับว่ามันจะได้ผลทางด้าน seo มากน้อยแค่ไหน แต่ผมลองแล้วก็ถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว
google rich snippets

วิธีการทำ google rich snippets แบบต่างๆ

วิธีการทำ google rich snippets แบบต่างๆ

การทำ google rich snippets ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเพิ่มผลทางด้าน seo ได้มากน้อยแค่ไหน แต่มันก็สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และหน้าตาลิ้งค์ของเราให้ดูดีขึ้นมาได้อีกในระดับหนึ่ง ซึ่งในการแข่งขัน seo2013 คีย์ "ทำบุญวันออกพรรษา" ในครั้งนี้ ซึ่งจัดแข่งโดย thaiseocontest.com ผมได้ทำ google rich snippets ด้วยกันถึง 3 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน แต่ส่วนมากแบบที่หนึ่งจะเป็นแบบที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน และมีการ PM เข้ามาถามวิธีการทำจากผู้เขียนเป็นระยะ งั้นเรามาดูวิธีการทำในแต่ละแบบกันครับ

วิธีการทำ google rich snippets แบบต่างๆ

มาดูกันแบบที่ 2 กับ 3 ก่อนเลยครับ (สำหรับ WP เท่านั้น) เพราะว่ามันทำง่ายกว่าแบบที่ 1 ในส่วนของ google rich snippets แบบที่2 ที่เป็นการโชว์รูปดาว 5 ดวงให้ลงปลั๊กอินชื่อ WP Customer Reviews เวลาเปิดใช้งานก็แค่ตอนเขียนบทความให้ติ๊กถูกออฟชั่นข้างใต้บทความด้วยก็เท่านั้น google rich snippets แบบที่3 ที่เป็นในส่วนของการติดต่อที่มีรูปแม็ปด้วยให้ลงปลั๊กอินชื่อ Rich Contact Widget เวลาใช้งานการลาก Widget ไปวางในตำแหน่งที่ต้องการแล้วใส่ข้อความที่ต้องการได้เลย (คนที่ใช้ WP น่าจะทำได้แบบสบายๆนะครับ )

วิธีทำ google rich snippets แบบที่1

การทำ google rich snippets แบบที่1 ที่แสดงรูปโปรไฟล์ของเราจาก google+ สามารถทำได้ทุกเว็บ เพราะมันมีลักษณะที่คล้ายกันหมด มาดูวิธีการทำกันครับ

1. ให้เข้าไปเพิ่มเว็บไซต์ของเราใน google+ ตรงส่วน เกี่ยวกับ และเพิ่มใน เว็บไซต์ที่คุณร่วมให้เนื้อหา
google rich snippets
ให้เข้าไปเพิ่มเว็บไซต์ของเราใน google+ ตรงส่วน เกี่ยวกับ และเพิ่มใน เว็บไซต์ที่คุณร่วมให้เนื้อหา

2. ให้ไป gen code ของ google+ ของเราได้ที่นี่ครับ https://developers.google.com/+/web/badge/ เมื่อ gen เสร็จก็ก็อปโค้ดมาวางในส่วนของ Widget แบบ html ได้เลยครับ ได้ทั้ง Blogger และ WP

google rich snippets3
gen code ในหน้านี้ได้ตามชอบใจ แล้วก็อปโค้ดไปวางได้เลย

3.ให้กับโค้ด <link href='https://plus.google.com/111155074117172280878' rel='me'/> แล้วแก้ตรงตัวเลขสีแดงให้เป็นตัวเลขที่เห็นใน google+ ของเรามาแทน แล้วนำส่วนนี้ไปวางในส่วนของ head ได้เลย รูปแบบง่ายๆก็ให้วางต่อ <head> ได้เลย
google rich snippets4
วางแต่จาก <head> ได้เลยครับ

4. เมื่อทำเสร็จขั้นสอนที่ 1-3 แล้วให้เราไปทดสอบในหน้านี้ได้เลย http://www.google.com/webmasters/tools/richsnippets ให้ดูว่ารูปขึ้นหรือยัง
google rich snippets5
ให้ กรอก url เว็บไซต์ของเรา แล้วกด preview ดูได้เลย
google rich snippets6
เมื่อกด preview เสร็จ ถ้าขึ้นรูปก็แสดงว่าเรามาถูกทาง แล้ว บางคนอาจจบแค่ตรงนี้ เพื่อความแน่ใจว่าได้ชัวร์แน่ ก็ให้นำ ไอดี googl+ ของเรามาใส่ ตามตัวอย่างล่างสุดได้เลย แล้วกด Verify Authorship ได้เลย

สรุปการทำ google rich snippets

ในการทำ google rich snippets แบบสุดท้ายที่โชว์รูปโปรไฟล์ google+ ของเรา เมื่อเราทำการทดสอบแล้วขึ้นรูปภาพแล้ว ก็คือว่าผ่านในระดับหนึ่ง แล้วเมือนำไอดี google+ กรอกแล้วยืนยันผุ้เขียนเสร็จแค่นี้เราก็รอแค่บอทของ google มาเก็บข้อมูลใหม่อีกที อาจจะช่วยในเรื่อง seo ได้ไม่มาก แต่มันก็ทำให้หน้าที่แสงใน google ของเราดูสวยงามขึ้น การทำ seo อาจจะต้องอาศัยความเข้าใจสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด นึกถึงการทำseo นึกถึงอันดับในหน้าแรกของเรา นึกถึงวันที่เราทำได้และได้ไปไปอยู่หน้าแรก
การทำ seo ให้กับ video บน youtube

การทำ seo ให้กับ video บน youtube

หลายคนอาจจะเคยเห็นคลิปจาก youtube ติดหน้าแรกใน keyword ที่ง่ายหรือยากก็แล้วแต่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นคีย์ที่ง่ายก็ติดได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นคีย์ที่ยากขึ้นมาหน่อย อาจจะต้องอาศัยการทำ seo เข้ามาประกอบด้วย ซึ่งการทำ seo ให้กับคลิปวิดีโอจากยูทูป อาจจะง่ายหรือยากผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า google เอาอะไรตัดสินในการดึง วิดีโอ มาโชว์ในหน้าแรกของกรุเกิลในคีย์ที่เราทำการค้นหา เท่าที่ผมสงเกตุอันดับหนึ่งในยูทูปแต่ไม่ปรากฎผลในการค้นหาใน Search Engine ซะงั้น แต่อันดับสามในยูทูปกับปรากฎผลการค้นหาในกรุเกิลซะงั้น ผมนี้ผมจึงนำเทคนิคการทำ seo ในแบบของผมที่เคยทดลองทำและสามารถทำได้ผลจริงๆมาฝาก แต่ถ้าใครขี้เกียจอ่านผมขอให้ นึกถึงการทำseo นึกถึงอันดับในหน้าแรกของเรา นึกถึงวันที่เราทำได้และได้ไปไปอยู่หน้าแรก และ โปรดอย่าขี้จักรยานในการอ่าน เพราะจะทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง

ขั้นตอนและวิธีการทำ seo ให้กับคลิปวิดีโอของเรา

  1. ให้ลง ส่วนเสริม(Firefox) หรือ ส่วนขยาย(Chrome) ที่ชื่อ reload every นะครับ วิธีการทำคือจะเราปั่นยอดให้ไปที่ 301+ ก่อน เราจะสามารถรีโหลดหน้าเบาว์เซอร์ได้โดยอัตโนมัติ หรือ ถ้าขยันก็คือกด F5 นั่นเอง แต่การกด F5 หรือส่วนเสริมตัวนี้มันจะสามารถเพิ่มยอดวิวได้แค่ 301+ แล้วมันก็จะหยุดอยู่แค่นั้น ทำให้ยอดวิวไม่ขึ้นถึงขึ้นก็น้อยมาก (นอกจากวิดีโอของเราจะดีจริงจึงไม่จำเป็นต้องปั่นยอดวิวเพื่อผลทาง seo) ส่วนวิธีการใช้ส่วนเสริมตัวนี้ก็ง่ายๆครับ(ของพูดถึงเฉพาะ Firefox นะครับ Chrome ก็ทำคล้ายกัน) ถ้าเราจะปั่นคลิปใหนก็ให้เข้าไปที่ลิ้งค์ของคลิปนั้นบน youtube คลิกขาวบนหน้าเว็บแล้วเลือก Reload Every แล้วเลือก Custom แล้วก็เซ็ตค่าการรีโหลดหน้าเว็บได้เลยครับ (ผมเลือกให้หน้าเว็บรีโหลดประมาณ 45 วินาที แต่ต่างประเทศแค่ 15 วินาทีเอง) เราก็ปล่อยให้มันรีโหลดไปเรื่อยๆจนยอดวิวไปหยุดอยู่ที่ 301+ แล้วก็ไม่ต้องรีโหลดแล้วนะครับ เพราะยังไงมันก็ไม่ขึ้น ยอดมาหยุดที่ 301+ แล้วไม่ยอกทำต่อ นึกถึงการทำseo นึกถึงอันดับในหน้าแรกของเรา นึกถึงวันที่เราทำได้และได้ไปไปอยู่หน้าแรก
  2.  ที่นี้เมื่อยอดวิวของเรามันมาตันที่ 301+ เยรดดดตันเร็วฉิบหายตูนึกว่าเซิฟเกมส์เถื่อน พอมันมาตันที่ 301+ ก็ให้เราดาว์นโหลดโปรแกรมชื่อ iView For YOU ให้หาโหลดในเน็ตหรือในไทยเสียวก็ได้ครับผมไม่อัพให้นะครับ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผมใช้อยู่โดนฝังอะไรไว้ไหม วิธีการใช้งานโปรแกรม ตรงช่อง URL Here : ให้กรอก url ของยูทูปที่เราต้องการปั่น ช่อง Delay(Milliseconds) ให้กรอกช่องสำหรับสุ่มค่าการรีโหลด ช่อง View#?ให้กรอก จำนวนที่ต้องการปั่นวิว ตรงช่อง Load Proxy List ให้โหลด ไฟล์พร็อกซี่ของเราที่เป็น .txt ลงมาใส่ ซึ่งตรงนี้มันคือปัจจัยในการเพิ่มวิวให้เรา จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวนี้ เพราะมันจะคำนวณวิวมาจากไอพีที่ต่างกัน Proxy 17-10-2556 สามารถกดโหลดได้เลยครับผมอัพขึ้น mediafire ไว้ให้แล้วครับ ยอดวิวอาจจะขึ้นช้าครับ ตอนปั่นครั้งแรกผมก็จะเลิกอยู่หลายที นึกถึงการทำseo นึกถึงอันดับในหน้าแรกของเรา นึกถึงวันที่เราทำได้และได้ไปไปอยู่หน้าแรก แล้วผมก็กับมาปั่นต่อ

เทคนิคการทำ seo และการปั่นวิว youtue โดยการฝังคลิปไว้ในบทความที่น่าสนใจ

เทคนิคนี้ก็อาศัยการเขียนบทความที่น่าสนใจที่คิดว่าต้องมีผู้เข้ามาอ่านอย่างแน่นอน เราก็ฝังคลิปจาก youtube เพื่ออาศัยไอพีที่แตกต่างกันในการเข้าชมคลิปนี้ ถึงเขาจะไม่กดเพลย์คลิปเราก็เหอะ แต่เราก็ตั้งให้มันเล่นอัตโนมัติซะเลยก็จบเรื่องแล้ว


วิธีการให้มันเล่นอัตโนมัติก็ทำง่ายครับ หลังจากที่เราคัดลอกโค้ดสำหรับฝังมาวางแล้วให้เราเพิ่มโค้ดนี้ลงไปครับ ?&autoplay=1 ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้ครับ ก่อนหน้า src="//www.youtube.com/embed/3cXL23lKQ1s" เราก็ก็อปไปวางต่อเลย แล้วมันจะได้แบบนี้ครับ src="//www.youtube.com/embed/3cXL23lKQ1s?&autoplay=1" เป็นไงบ้างครับสำหรับการทำ seo ให้กับคลิปในยูทูปของเรา ในการทำ seo จะอะไรก็แล้วแต่นะครับ อย่าเพิ่งท้อให้นึกถึงการทำseo นึกถึงอันดับในหน้าแรกของเรา นึกถึงวันที่เราทำได้และได้ไปไปอยู่หน้าแรก
ประสบการณ์การแข่งขัน SEO2013 คีย์ 'ทำบุญวันออกพรรษา'

ประสบการณ์การแข่งขัน SEO2013 คีย์ 'ทำบุญวันออกพรรษา'

การแข่งขัน seo จัดขึ้นโดย thaiseocontest.com เป็นเว็บของคุณโชค( click2charm Userคุณโชค ใน thaiseoboard.com ) ซึ่งเว็บไซต์ที่ผมใช้แข่งในครั้งนี้คือ วันออกพรรษาทำบุญ.com เป็นความผิดพลาดของผมเองที่ที่คิดว่ามันเหมือนโดเมน ทำบุญวันออกพรรษา.com เพราะรีบจดก่อนวิเคราะห์คีย์ที่ใช้แข่งทำให้วิเคราะห์ keyword ในการตั้งชื่อโดเมนผิดพลาด การตั้งชื่อ วันออกพรรษาทำบุญ ในการค้นหาโดย google.co.th จะมีแค่คำว่า วันออกพรรษา ปรากฎในผลการค้นหา รูปแบบการแสดงผลการค้น ทำบุญวันออกพรรษา และโดเมนผมจะแสดงแบบนี้ครับ วันออกพรรษาทำบุญ.com ความผิดพลาดประการที่สองคือผมเลือกใช้โฮสต์ฟรี ตรงนี้ต้องยอมรับว่าผิดพลาดเพราะเราคิดว่าเขาน่าจะดีเพราะต้องจดโดเมนกับเขาด้วยถึงได้ใช้โฮสต์ฟรี ซึ่งตรงนี้ทำให้เว็บล่มบ่อยเข้าไม่ได้บ่อย ซึ่งแน่นอนอันดับย่อมไม่ดีตามไปด้วย ผมจึงตัดสินใจย้ายโฮสต์และโดเมนไปที่ hostneverdie ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยตั้งแต่ราคายันซับพอร์ทต่างๆ แต่ว่าการแข่งขันย่อมมีอุปสรรค อุปสรรคครั้งนี้แน่นอนมาจาก Search Engine แน่นอนว่าโดนกันเป็นแถบๆเรียกได้ว่าโดนกันหมด โชคดีหน่อยที่ผมรอด หากทุกท่านได้ติดตามผลการแข่งขันจะรู้ว่าอันดับตั้งแต่สองลงไปเพิ่งกลับมาหลังจากยุค 2.1 ออก(อันดับหายตอนช่วง 2.0ออก)

เทคนิคการทำ seo2013 (ช่วงเวลาแข่งขันถ้าจำไม่ผิดจะเป็น ก่อน 2.0, 2.0, 2.1)

  1. แลกลิ้งก์
  2. ทำออนเพจ ( ตามบทความนี้ก็ได้ครับหรือบทความแบบ wikipedia ก็ได้ครับ )
  3. แชร์ตามโซเชียลมีเดีย google+ , facebook , twitter , youtube
  4. ทำอ็อฟเพจ
  5. เน้นจำนวนอินเด็กซ์ ( จะได้ทำรูปแบบการลิ้งค์แบบวิกิได้เยอะหน่อย )
  6. พยายามทำบทความให้มีลิ้งก์ออกไปบทความอื่นเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
  7. เน้นจำนวน + ของ google+ เป็นพิเศษ
  8. ทำ BL กับ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ต้องคุณภาพเท่านั้น ช่วงแรกๆของการแข่งขันเกือบโดนตัดสิทธิ์เพราะบทความไม่คุณภาพจึงถูกเจ้าของเว็บที่ผมเข้าไปทำ BL แจ้งมา แต่ก็เคลียร์กันแล้ว
  9. ไปเอาบทความมาจากไหนเยอะแยะในการทำบทความ บทความหาได้ง่ายๆครับ เพราะบทความมันจะออกแนววิชาการหน่อย เลยทำให้มีมีความแตกต่างกันมากนัก ผมจึงหาบทความจากการรีไวท์โดยเอาบทความจากสองสามเว็บมายำรวมกัน ยำแบบง่ายๆครับคือก็อปมาจาก 3 เว็บ แล้วตัดเอาส่วนหัวส่วนกลางส่วนท้ายของแต่ละเว็บมาต่อกัน แล้วเราก็เปิดหัวปิดท้ายด้วยบทความของเรา 
  10. การทำ google rich snippets ซึ่งสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บได้หรืออาจช่วยเพิ่มคะแนนจาก google ด้วย อันนี้ผมก็ไม่ทราบ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้จะใช้รูปโปรไฟล์ในการทำ rich เป็นส่วนใหญ่ แต่ผมทำมากกว่านั้นเพราะคิดว่าถ้าได้คะแนนส่วนนี้ด้วยเราก็ควรทำ rich เพิ่ม ซึ่งเว็บที่ผมใช้แข่งจะมี rich ที่เป็นรูปโปรไฟล์ google+ และ rich review ที่จะเห็นเป็นรูปดาว 5 ดวง และ rich สุดท้ายที่ผมทำคือ rich contact

การทำ seo นั้น ของฟรีย่อมมีในโลก

ในการแข่งขันครั้งนี้ผมจะใช้ของฟรีซะเป็นส่วนใหญ่ สังเกตุได้จาก BL ของเว็บที่ใช้แข่งจะมี BL น้อยมาก ซึ่งของฟรีนี้สามารถหาได้จากไทยเสียว และของฟรีเหล่านี้ดีๆทั้งนั้น ที่ว่าดีในที่นี้คือ มีค่า PR ตั้งแต่ 1 ขึ้นไป บางคนแจก PR 3 4 จำนวน 19 เว็บก็มี PR5 นี้หาง่ายมากในไทยเสียว และของฟรีที่ทุกคนน่าจะรู้จักดีคือ http://www.siamvip.com/link.aspx เป็น BL ที่สูงมาก (เราจะได้ PR4 ที่มาจากโดเมน PR5) สามารถแลกลิ้งก์ได้เลย แล้วอีกรูปแบบหนึ่งที่ผมใช้เพื่อหา BL ที่มี PR เข้าเว็บแข่ง ย้ำนะครับว่าหน้าที่มี PR ก็คือหน้าที่เราติด text links นั้นเอง แน่นอนโดเมนนั้นย่อมมี PR สูงกว่าหรือเท่ากับที่เราได้ วิธีการก็คือให้ลงส่วนเสริมหรือส่วนขยายในเบาว์เซอร์ที่มีชื่อว่า SEOquake เมื่อเราติดตั้งเสร็จ ให้ใช้คำว่า "แลกลิ้งก์อัตโนมัติ" ในการค้นหา แล้วเราก็คัดเอาเฉพาะลิ้งก์ที่มี PR ตั้งแต่ 1 ขึ้นไป (ที่ต้องใช้คำค้นหาว่าแลกลิ้งก์อัตโนมัติเพราะต้องการแลกได้เลยไม่ต้องรอตรวจสอบ) ทำให้สามารถทำอันดับได้ดีในช่วงแรกๆ

การทำ seo คือไม่ต้องทำ seo

ทำยังไงก็ได้ให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการทำอันดับให้เว็บไซต์ การทำ BL เข้าเว็บคุณ คุณไม่จำเป็นต้องยิงเข้าหน้าแรกแต่ก็ใช่ว่าไม่ยิงเข้าหน้าแรกเลย สำหรับผมแล้วในการทำ BL ผมก็ทำเหมือนเขียนบทความนั่นแหละครับ คือคำไหนที่มันสามารถยิงเข้าบทความเราได้เราก็ยิงเข้ามาเลย ถึงจะไม่ใช่คีย์ที่คุณต้องการ แต่มันก็จะช่วยให้บทความในหน้านั้นของคุณมีค่า PA ที่ดีขึ้น แล้วหน้าบทความนั้นก็จะไปดันคีย์หลักในเว็บของคุณเอง (คุณต้องทำลิ้งค์แบบวิกิด้วย) เทคนิคทั้งหมดเหล่านี้จะใช้ได้ดีในกรณีที่เป็นเว็บของเราเอง เพราะสามารถควบคุมทั้ง onpage และ offpage ในการทำ seo ได้
Keyword

Keyword

Keyword คืออะไร การหรือที่เรียกว่า keyword เพื่อให้ google รู้ว่าเว็บเราต้องการสื่อถึงอะไรและต้องการนำเสนอเนื้อหา Content เกี่ยวกับอะไร แม้ว่าเราจะปรับ Title ของเว็บ Meta Description และ Metal Keyword แล้ว การเน้น Keyword ในบทความ Article ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยเลย และพยายามอย่าสแปมคีย์เวิร์ด ควรเน้น Keyword พอประมาณ ไม่มากจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นการ Over Optimize หรือ บางครั้งเรียกว่า Over SEO ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการทำ SEO ยังโดน Google ส่งเว็บของเราไปอยู่หน้าที่ไม่มีคนเห็นอีกด้วย

เราจึงควรปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ Web Optimize หรือปรับในส่วนของ SEO On Page กล่าวคือ ทั้งเนื้อหาและคีย์เวิร์ด Content & Keyword มีความสัมพันธ์กัน และสนับสนุนระหว่างกันอย่างลงตัว ไม่มีอะไมากหรือน้อยเกินไป กูเกิ้ลต้องการให้เรา หรือผู้ที่พัฒนาเว็บไซต์ จนกระทั่งผู้ที่ทำ Internet Marketing สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน Google Search ซึ่งเป็นนโยบาย Policy ที่กูเกิ้ลเน้นเป็นพิเศษ เพราะว่าทาง google เองต้องการที่จะกำจัดเว็บขยะและเว็บที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน Search Engine เราจึงควรขารับนโยบายดังกล่าวของกูเกิ้ลและนำไปปรับปรุงในการทำ SEO ของเราต่อไป เพื่อที่เราจะสามารถรับทำ SEO ได้อย่างยาวนาน

Keyword เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้บล็อกหรือเว็บไซต์ของเราถูกค้นพบได้โดยง่าย เพราะในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนโลก Internet ผู้คนส่วนใหญ่มักจะใช้ keyword ในการค้นหา เช่นถ้าคุณสนใจเรื่องการทำ Blogger คุณก็อาจจะใช้คำค้นว่า Blogger ,สอนทำ Blogger หรือวิธีสร้าง Blogger เป็นต้น

Algorithm ของ Search Engine เองก็ให้ความสำคัญกับ keyword เช่นกัน โดยจะเก็บสถิติการค้นของคำต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งข้อมูลที่เก็บไว้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำ SEO ทั่วไป หรือสำหรับผู้ที่ทำ Internet Marketing เช่น PPC (Pay Per Click) Amazon Affilate ก็หยิบจับสถิติเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ Search Engine เองก็จะตีความเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกเองได้ยากถ้าในเนื้อหาหรือในหน้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ไม่มีความ Density (ความหนาแน่น) ของ Keyword เพียงพอ และจะส่งผลสืบเนื่องต่ออันดับการค้นหาที่ไม่ดีไปด้วย

เราจะเลือก Keyword ที่เหมาะสมได้อย่างไร สมมติว่าผมสนใจเรื่องเกมส์เป็นอย่างมากและรู้เรื่องเกมส์ดีพอสมควร ก็เลยคิดสร้างบล็อกที่เกี่ยวกับเกมส์ขึ้นมา โดยที่ไม่ได้รู้ข้อมูลก่อนว่า ใน Keyword คำว่า เกมส์ นั้นมีการแข่งขันที่สูงมาก และคู่แข่งที่อยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหานั้นมีความเชี่ยวชาญในการทำ SEO ทุกคน บล็อกเกมส์ที่ผมสร้างจึงไม่เคยมาอยู่ในหน้า 1-5 ของ Google เลย แม้ว่าจะทำการโปรโมทอย่างเต็มที่ ขยันเขียนบทความอย่างเต็มความสามารถแล้วก็ตาม

นี่คือตัวอย่างที่ผมสมมติให้ดูว่าถ้าเราทำเว็บไซต์หรือบล็อกโดยไม่ให้ความสำคัญกับ Keyword เลยโอกาสที่จะทำบล็อกแล้วประสบความสำเร็จนั้นก็มีน้อยมาก ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เราต้องเรียนรู้การทำ Keyword research

คีย์เวิร์ดเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO เราคงทำ SEO ไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่เลือกกำหนดคีย์เวิร์ดที่จะใช้ก่อน การพูดว่าจะทำ SEO โดยไม่คีย์เวิร์ด ก็เหมือนบอกว่าจะเล่นฟุตบอลโดยไม่มีลูกฟุตบอลยังไงยังงั้น การเรียนรู้เทคนิคในการวิเคราะห์และคัดเลือกคีย์เวิร์ดถือเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ ก่อนที่เราจะลงมือทำ SEO บางคนเลือกคีย์เวิร์ดในการทำ SEO ไปแบบมั่วๆ ประมาณว่าหลับหูหลับตาเลือกเอา แล้วก็คิดทึกทักเอาเองว่านั่นเป็นคีย์เวิร์ดที่ดีแล้ว คนประเภทนี้จะพบกับความล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำด้วยซ้ำครับ

การเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆ ผ่านเสิร์ชเอนจิ้นเหมือนที่เราทำกันอยู่ทุกวันน่ะ เราพอจะคิดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเองได้ คีย์เวิร์ดนี้ไม่ดี ใช้แล้วไม่เจอข้อมูลที่ต้องการ เราก็เปลี่ยนไปใช้คีย์เวิร์ดอื่นๆ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าเป็นคิดคีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้ทำ SEO แล้วละก็ เราจะคิดขึ้นมาเองแบบมั่วๆ แล้วก็นำไปใช้ทันทีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเราจะไม่มีทางรู้ว่าคีย์เวิร์ดนั้นเวิร์กจริงมั้ย จะมีคู่แข่งมากแค่ไหน หรือจะมีคนใช้มันมากน้อยแค่ไหน การเลือกคีย์เวิร์ดมาทำ SEO จึงเป็นกระบวนการที่ต้องผ่านการวิเคราะห์และตรวจสอบให้รอบคอบกันหน่อย ถ้าเลือกคีย์เวิร์ดไม่ดี คงทำ SEO ไม่รุ่งแน่ แล้วการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดในการทำ SEO มันก็ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เหมือนการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดในการเสิร์ช
IM (Internet Marketing)

IM (Internet Marketing)

Internet Marketing หรือที่คนนิยมเรียกว่า IM คือการนำเอาความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิคทางอินเตอร์เน็ตและการทำ seo มาใช้ร่วมกัน ซึ่งได้แก่ การออกแบบ, การพัฒนา, การทำโฆษณา, การวิจัย keyword, และการขาย Internet Marketing เป็นคำเรียกรวมการทำการตลาดบนอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งมีวิธีการอยู่มากมาย สามารถแบ่งได้เป็นหลากหลายประเภทเลยล่ะครับ แต่เท่าที่ผมตระเวนอ่านบทความตาม Blog ต่างๆ มาแต่ละที่ ก็จะแบ่งกลุ่มแบ่งประเภทไม่ค่อยจะเหมือนกันซักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าในบทความนี้ ก็จะเป็น การแบ่งประเภทการทำ Internet Marketing ตามแบบฉบับความเข้าใจของผมเองก็แล้วกันนะครับ
  1. Social Media Marketing (SMM)
  2. Instant Messenger (IM) Marketing
  3. Search Engine Marketing (SEM)
  4. E-Mail Marketing
  5. Banner Ads Marketing
  6. Viral Marketing หรือ การตลาดแบบไวรัส
  7. Forum Marketing
ยังมีวิธีการในการทำ Internet Marketing อีกมากมาย ที่ผมเองก็อาจจะยังไม่รู้ หรืออาจจะคิดไม่ถึงก็เป็นได้ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักการตลาดทั้งหลายคือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับโลกและการทำ seo ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Search Engine

Search Engine

Search Engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกอง เพื่อให้เราเลือกข้อมูลตรงกับความต้องการที่สุดเอามาใช้งาน โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

สำหรับหลักในการค้นหาข้อมูลของ Search Engine แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าทางศูนย์บริการต้องการจะเก็บข้อมูลแบบไหน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีกลไกใน การค้นหาที่ใกล้เคียงกัน หากจะแตกต่างก็คงจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพเสียมากกว่า ว่าจะมีข้อมูล เก็บรวบรวมไว้อยู่ในฐานข้อมูลมากน้อยขนาดไหน และพอจะนำเอาออกมาบริการให้กับผู้ใช้ ได้ตรงตามความต้องการหรือเปล่า
ข้อดีของ SEO และ ข้อเสียของ SEO

ข้อดีของ SEO และ ข้อเสียของ SEO

ในการทำ seo นั้น ย่อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ใช่ว่าการทำแล้วจะเกิดแต่ผลดีแต่ด้านเดียว ซึ่งแน่นอนการทำ seo นั้นย่อมมีข้อดีกว่าเสียอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่าคือการลงมือทำ seo ด้วยตัวเอง เช่นคีย์ง่ายๆถึงปานกลางทุกคนสามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนว่ามีมากน้อยเพียงใด บางคนอาจจะทำเป็นปีแต่ก็ไม่มีอันดับบางคนเพิ่งเริ่มศึกษาได้สี่ห้าเดือนก็มีอันดับที่ดีแล้ว ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสรุปข้อดีข้อเสียในการจ้างทำ seo ไว้ดังนี้

ข้อดีของ SEO

  1. คุณไม่ต้องจ่ายเงินให้กับ Search Engine แม้แต่นิดเดียวเมื่อมีคนคลิก
  2. การที่เว็บของคุณอยู่ในอันดับต้นๆของ Search Engine จะทำให้ผู้ชมเข้าเว็บคุณมากขึ้นเพราะผู้ใช้ Search Engine จะนิยมคลิก เฉพาะเว็บไซต์ที่ปรากฏในหน้าแรก (อันดับ 1-20)และหน้า 2 (อันดับ11-20) ของผลการค้นหานั้นๆ
  3. ได้ลูกค้าตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
  4. เว็บของคุณจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นทำให้เพิ่มโอกาสในการขาย
  5. เหนือกว่าคู่แข่งในประเภทธุรกิจเดียวกัน
  6. ค่าใช้จ่ายน้อยแต่ได้รับกำไรกลับคืนมา
  7. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ
  8. ผู้ใช้ Search Engine ชอบคลิกฝั่งซ้ายมากกว่าฝั่งขวา 60-70% เพื่อค้นหาสินค้าหรือบริการ
  9. ถูกกว่าโฆษณาอื่นมากๆเช่น TV วิทยุ และการทำ SEO นั้นท่านสามารถมีอันดับเหนือกว่าบริษัทใหญ่ๆได้ไม่เหมือนโฆษณาทาง TV ที่บริษัทใหญ่ๆได้เปรียบทางด้านการลงทุน

ข้อเสียของ SEO

  1. ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นใหม่ คุณต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนกว่าเว็บไซต์ของคุณจะไต่อันดับให้ไปอยู่ใน ลำดับต้นๆของ Google ได้ ดังนั้นสำหรับเว็บไซต์มาใหม่ในตอนต้นนั้น อาจจะทำ PPC กับ Google ก่อนเพื่อที่จะช่วยลดเวลาและทำ SEO ควบคู่ไปด้วย หลังจากทำ PPC ระยะหนึ่งแล้ว จะมีความพร้อมในการทำ SEO มากขึ้นแล้วค่อยยกเลิก PPC กับ Google ก็ได้
  2. วิธีการที่จะทำ SEO ยังต้องอาศัยทักษะ และติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆของ Search Engine อยู่เสมอ
  3. Keyword ที่นำมาใช้กับ SEO ได้อย่างมาก 2-5 คำเท่านั้นต่อ webpage
โปรโมทเว็บแบบ Search Engine Optimization (SEO)

โปรโมทเว็บแบบ Search Engine Optimization (SEO)

Search Engine Optimization (SEO) เป็นการโปรโมทเว็บผ่าน Serch Engine ซึ่งเปรียบเสมือนสมุดหน้าเหลืองของนักท่องโลกอินเตอร์เน็ตที่ต้องการค้นหา ข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นสินค้าบริการและอื่นๆอีกมากมาย Search Engine Optimization (SEO) เป็นเครื่องมือที่ฮ๊อตมากที่สุดสำหรับ ชาวอินเตอร์เน็ต นอกจากนั้นการโปรโมทเว็บผ่าน Search Engine Optimization (SEO) มีข้อได้เปรียบกว่าวิธีอื่นๆ เช่น banner advertising และ e-mail marketing เนื่องจากคนที่เข้ามาค้นหาข้อมูล ย่อมต้องการสินค้าบริการอยู่แล้ว ถ้าเขาพบสินค้าที่ต้องการก็มีโอกาสสูงทีเดียวที่เขาจะซื้อ สินค้าบริการและเว็บไซต์ก็มีโอกาสหาลูกค้าใหม่ๆสูงมากเช่นกัน 85% ของกลุ่มลูกค้าคาดหวัง ใช้ เว็บไซต์ ในการ ค้นหาข้อมูล และ สินค้า

จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า Search Engine เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้นการโปรโมทเว็บผ่าน Search Engine มีข้อได้เปรียบกว่าวิธีอื่นๆ เช่น banner advertising และ e-mail marketing เนื่องจากผู้ใช้ที่เข้ามาใช้ Search Engine ย่อมต้องการสินค้าบริการอยู่แล้ว ถ้าผู้ใช้พบสินค้าที่ต้องการก็มีโอกาสสูงทีเดียวที่ผู้ใช้บริการนั้นจะซื้อสินค้าบริการและเว็บไซต์ก็มีโอกาสหาลูกค้าใหม่ๆสูงมากเช่นกันดังนั้นการทำ seo จึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
สิ่งที่ทำให้ SEO(Search Engine Optimization) กับ PPC(PAY PER CLICK) แตกต่างกัน

สิ่งที่ทำให้ SEO(Search Engine Optimization) กับ PPC(PAY PER CLICK) แตกต่างกัน

SEO ไม่ต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ คือ Search Engine (Google,Yahoo,Msn) เมื่อมีผู้คลิกที่ลิงค์หรือแบนเนอร์ของท่าน แต่ต้องใช้ความรู้และทักษะตลอดจนระยะเวลาในการทำให้เว็บไซต์ของท่านติดอันดับใน Search Engine

ส่วน PPC นั้น ไม่จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะรวมทั้งระยะเวลาในการทำให้ติดอันดับใน Search Engine แต่อย่างใด เพียงแค่คุณมีงบประมาณในการโฆษณาเท่านั้น ก็สามารถใช้งาน PPC ได้ภายใน 15 นาทีทันที แต่ท่านต้องคำนึงอยู่เสมอว่า เมื่อมีผู้ใช้บริการคลิกที่ลิงค์ของเว็บไซต์ท่านเมื่อไร ท่านจะต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการทันที ตามราคาต่อคลิกที่ตกลงกันไว้
SEO กับ PPC แตกต่างกันอย่างไร

SEO กับ PPC แตกต่างกันอย่างไร

SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization หมายถึง กระบวนการที่จะทำให้ชื่อเว็บไซต์ของคุณ ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของผลการค้นหาคำ( Search Keyword ) ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจ หรือบริการของคุณ บนเว็บไซต์ที่เป็น search engine และต้องรักษาอันดับให้อยู่ในระดับที่ดีอยู่เสมอ
PPC ย่อมาจากคำว่า PAY-PER-CLICK หมายถึง วิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่ง โดยอาศัยหลักการของ Search Engine กับจำนวนคนที่คลิกเว็บไซต์ของเรา ผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ยกตัวอย่าง เช่น google.com ,Yahoo.com เป็นต้น ซึ่งเราจะต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ ต่อเมื่อมีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตคลิกลิงค์ หรือแบนเนอร์เพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของเรา ผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ตามราคาที่เราตกลงไว้ แต่ถ้าผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เพียงแค่อ่านลิงค์ หรือแบนเนอร์ของเว็บไซต์ โดยไม่ได้คลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของเรา ทางเราก็ไม่ต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการแต่อย่างใด
PAY PER CLICK (PPC)

PAY PER CLICK (PPC)

PPC ย่อมาจากคำว่า PAY-PER-CLICK หมายถึง วิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่ง โดยอาศัยหลักการของ Search Engine กับจำนวนคนที่คลิกเว็บไซต์ของเรา ผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ยกตัวอย่าง เช่น google.com ,Yahoo.com เป็นต้น ซึ่งเราจะต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ ต่อเมื่อมีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตคลิกลิงค์ หรือแบนเนอร์เพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของเรา ผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ตามราคาที่เราตกลงไว้ แต่ถ้าผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เพียงแค่อ่านลิงค์ หรือแบนเนอร์ของเว็บไซต์ โดยไม่ได้คลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของเรา ทางเราก็ไม่ต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการแต่อย่างใด
Search Engine Optimization (SEO)

Search Engine Optimization (SEO)

เป็นบริการที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับอยู่ในลำดับต้นๆของผลการค้นหา ด้วยคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ คุณในส่วนของการแสดงผลลัพธ์ปกติของ Search Engine ซึ่งปรากฏทางด้านซ้ายของ Search Engine เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ จาก การค้นหาของ Search Engine ไม่ว่าจะเป็นหน้าแรก(อันดับ1-10)และไม่เกินหน้าที่สอง (หรือ อันดับ 11-20) จะได้รับการเข้าเยี่ยมชม บ่อยครั้งมากที่สุด ยิ่งอันดับสูงเท่าไรอัตรา การคลิกก็สูงเท่านั้น ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย